เมื่อพูดถึงอุปกรณ์ในห้องปฏิบัติการวิทยาศาสตร์ “เครื่องแก้ว” ถือเป็นภาพจำแรกๆ ที่หลายคนนึกถึง ตั้งแต่บีกเกอร์, ขวดรูปชมพู่, ไปจนถึงหลอดทดลอง แต่คุณเคยสงสัยหรือไม่ว่าทำไมเครื่องแก้วบางชิ้นถึงสามารถนำไปตั้งบนเปลวไฟได้โดยตรง ในขณะที่บางชิ้นอาจแตกร้าวได้ง่ายเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว? คำตอบอยู่ใน “ชนิดของแก้ว” ที่ใช้ในการผลิต
การเลือกชนิดของแก้วให้เหมาะสมกับการใช้งานไม่เพียงแต่จะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์และประหยัดงบประมาณ แต่ยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อความปลอดภัยในการทดลองอีกด้วย วันนี้เราจะมาเจาะลึกความแตกต่างระหว่างแก้วสองชนิดที่นิยมใช้กันมากที่สุดในห้องแล็บ นั่นคือ Borosilicate และ Soda-lime
รู้จักแก้ว Borosilicate: แชมป์เรื่องความทนทาน
แก้วโบโรซิลิเกต (Borosilicate Glass) เป็นแก้วชนิดพิเศษที่มีส่วนผสมของโบรอนไตรออกไซด์ (Boron Trioxide) ซึ่งทำให้มีคุณสมบัติอันโดดเด่นที่แก้วทั่วไปไม่มี แบรนด์ดังอย่าง Pyrex® หรือ DURAN® คือตัวอย่างของผลิตภัณฑ์ที่ทำจากแก้วชนิดนี้
คุณสมบัติเด่น:
- ทนความร้อนสูงและทนการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิกะทันหัน (Thermal Shock): ด้วยค่าสัมประสิทธิ์การขยายตัวทางความร้อนที่ต่ำมาก ทำให้แก้วชนิดนี้ไม่ขยายตัวหรือหดตัวเร็วเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยน จึงสามารถทนต่อการให้ความร้อนโดยตรงและการเย็นตัวลงอย่างรวดเร็วได้โดยไม่แตกร้าว
- ทนทานต่อสารเคมีดีเยี่ยม: มีความทนทานต่อการกัดกร่อนของสารเคมีหลากหลายชนิด ทั้งกรด, ด่าง, และตัวทำละลายอินทรีย์ ทำให้เหมาะกับงานวิเคราะห์และงานวิจัยที่ต้องสัมผัสกับสารเคมีรุนแรง
- ความใสและความแข็งแรง: มีความใสสูงและแข็งแรงทนทานต่อการขีดข่วนได้ดี
การใช้งานที่เหมาะสม: อุปกรณ์ที่ต้องสัมผัสกับความร้อนโดยตรง เช่น บีกเกอร์, ขวดก้นกลม, ขวดรูปชมพู่ (Erlenmeyer Flask), หลอดทดลอง (Test Tube) และอุปกรณ์ที่ต้องการความทนทานต่อสารเคมีสูง
รู้จักแก้ว Soda-lime: ตัวเลือกสำหรับงานทั่วไป
แก้วโซดาไลม์ (Soda-lime Glass) เป็นแก้วชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในชีวิตประจำวัน ตั้งแต่ขวดเครื่องดื่มไปจนถึงกระจกหน้าต่าง ในห้องปฏิบัติการก็มีการใช้งานแก้วชนิดนี้เช่นกัน แต่จะจำกัดอยู่ในงานที่ไม่ต้องเผชิญกับสภาวะรุนแรง
คุณสมบัติเด่น:
- ทนความร้อนได้จำกัด: ไม่สามารถทนต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็วได้ หากนำไปให้ความร้อนโดยตรงหรือทำให้เย็นลงกะทันหันจะเสี่ยงต่อการแตกร้าวสูง
- ความทนทานต่อสารเคมีในระดับปานกลาง: ทนต่อสารเคมีทั่วไปได้ดี แต่ไม่เหมาะกับสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อนรุนแรงในระยะยาว
- ราคาถูกกว่า: มีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าแก้ว Borosilicate อย่างชัดเจน
การใช้งานที่เหมาะสม: อุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้ความร้อน เช่น ขวดเก็บสารเคมี (Reagent Bottle), จานเพาะเชื้อ (Petri Dish), กระจกสไลด์ (Microscope Slide), แท่งแก้วคนสาร, และปิเปตต์บางชนิด
ตารางเปรียบเทียบ: Borosilicate vs. Soda-lime
สรุป: เลือกอย่างไรให้เหมาะสมที่สุด
การตัดสินใจเลือกไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าแก้วชนิดไหน “ดีกว่า” แต่ขึ้นอยู่กับว่า “จะนำไปใช้งานอะไร”
- เลือก Borosilicate: เมื่องานของคุณเกี่ยวข้องกับ การให้ความร้อน, การต้ม, การผสมสารเคมีที่มีปฏิกิริยารุนแรง หรือต้องการความทนทานสูงสุด
- เลือก Soda-lime: เมื่องานของคุณทำที่ อุณหภูมิห้อง, เป็นการใช้งานทั่วไป, การจัดเก็บสารที่ไม่กัดกร่อน หรือเมื่อต้องการควบคุมงบประมาณสำหรับอุปกรณ์บางชนิด
การเลือกชนิดของเครื่องแก้วที่ถูกต้องไม่เพียงแต่ช่วยให้การทดลองปลอดภัย แต่ยังช่วยประหยัดงบประมาณในระยะยาวอีกด้วย ที่ MIT Trade เรามีเครื่องแก้ว และ พลาสติกสำหรับห้องปฏิบัติการ ทั้งชนิด Borosilicate และ Soda-lime เพื่อตอบทุกโจทย์การใช้งาน พร้อมให้คำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณได้อุปกรณ์ที่เหมาะสมที่สุด